Table of Contents
Sale Page คืออะไร ช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจออนไลน์ได้จริงไหม?
Sale Page คืออะไร? มีไว้เพื่ออะไร? เชื่อว่าคนทำธุรกิจออนไลน์น่าจะได้ยินคำว่า Sale Page ผ่านหูกันมาบ้าง แต่บางคนอาจยังไม่เข้าใจว่า เซลเพจคืออะไร ทำ Sale Page แล้วดีต่อธุรกิจยุคดิจิทัลอย่างไร วันนี้ ADME จะชวนคุณมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้ พร้อมแนะนำเทคนิคดี ๆ สำหรับการสร้าง Sale Page เพื่อให้ได้ Sale Page สวย ๆ ไว้โปรโมตบริการและสินค้าของแบรนด์โดยเฉพาะ
หาคำตอบ Sale Page คือ สร้างแล้วช่วยให้ธุรกิจโตขึ้นได้อย่างไร
Sale Page คือหน้า ๆ หนึ่งบนเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขายสินค้าและบริการของธุรกิจโดยเฉพาะ หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นว่าเราทำ Sale Page มาเพื่อเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้เป็นผู้ซื้อสินค้านั่นเอง ดังนั้นการสร้าง Sale Page ขึ้นมาหนึ่งหน้าจะประกอบไปด้วยสิ่งที่จำเป็นต่อการขาย เช่น ภาพสินค้า วิดีโอ ราคา โปรโมชัน วิธีสั่งซื้อ ตะกร้าสินค้า ช่องทางชำระเงิน และรีวิวสินค้าจากผู้ใช้งานจริง เป็นต้น เรียกได้ว่า Sale Page คือช่องทางการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว
มาถึงตรงนี้เห็นได้ว่าการทำ Sale Page ไม่เพียงแค่บอกราคาและรายละเอียดสินค้า แต่ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าและแบรนด์ได้มากขึ้น เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ค้นหาสินค้าหรือบริการที่ต้องการผ่าน Google ดังนั้นการมี Sale Page จะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีโอกาสค้นเจอหน้าเว็บ และตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของเราได้ง่ายมากขึ้น สำหรับธุรกิจไหนที่วางแผนจ้างบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ อย่าลืมสอบถามเพิ่มเติมว่านอกจากรับทำ SEO ติดหน้าแรกและบริการรับยิงแอดแล้ว ยังมีบริการสร้าง Sale Page ด้วยหรือไม่
ไขคำตอบ การสร้าง Sale Page และ Landing Page แตกต่างกันยังไง?
นอกจากหลายธุรกิจเลือกสร้าง Sale Page เพื่อกระตุ้นยอดขายแล้ว ในแวดวงธุรกิจออนไลน์น่าจะเคยเห็นกับคำว่า Landing Page ผ่านตามาไม่มากก็น้อย โดย Landing Page คือหน้าแรกของเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานคลิกเข้ามาเจอ ทั้งจาก Ads, Social Media หรือการค้นหาใน Google ซึ่งภายใน Landing Page จะนำเสนอเนื้อหา คอนเทนต์ต่าง ๆ หรือข้อมูลที่เจ้าของเว็บไซต์อยากให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้เห็น เช่น ภาพที่โดดเด่น สินค้าหรือบริการของธุรกิจ และช่องทางการติดต่อ เป็นต้น
แต่ถ้าถามว่าการทำ Sale Page แตกต่าง Landing Page อย่างไร? คำตอบคือ Sale Page ถูกสร้างมาเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจและปิดการขายได้ในหน้าเดียว ขณะที่ Landing Page สร้างขึ้นมาเพื่อนำเสนอข้อมูลที่หลากหลายหรือสิ่งที่สำคัญในช่วงเวลานั้น อย่างการนำเสนอแคมเปญต่อกลุ่มเป้าหมาย แต่สุดท้าย Sale Page และ Landing Page ก็เป็นเว็บไซต์หน้าหนึ่งเหมือนกัน ต่างกันแค่วิธีใช้งานและการนำเสนอสิ่งที่ต้องการให้ผู้ใช้งานคลิกมาเจอเท่านั้นเอง
ก่อนสร้าง Sale Page ควรรู้ Sale Page มีกี่ประเภท แบบไหนดีสุด
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของ Sale Page คือการปิดการขายให้ได้ภายในหน้าเดียว ส่งผลให้ประเภทของการทำ Sale Page ถูกแบ่งตามลักษณะของการขายบนเว็บไซต์ ประกอบด้วย
Long-form Sale Page
Long-form Sale Page หรือการทำ Sale Page แบบยาว นิยมใช้โปรโมตสินค้าหรือบริการที่ต้องการให้ข้อมูล
เต็มรูปแบบ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจข้อมูลจำเพาะของสินค้าดังกล่าวก่อนตัดสินใจซื้อ จนทำให้เซลเพจแบบยาวดูเหมือนเป็นหน้าเว็บไซต์ขนาดย่อมของสินค้าหรือบริการดังกล่าว แต่บางครั้ง Long-form Sale Page ก็ทำหน้าที่สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแบรนด์ หรือนำเสนอโปรโมชันพิเศษเกี่ยวกับแคมเปญนั้น ๆ
Short-form Sale Page
Short-form Sale Page หรือการทำ Sale Page แบบสั้น ถูกสร้างขึ้นเพื่อโปรโมตสินค้าทั่วไป เช่น หนังสือ
ขนมขบเคี้ยว ปากกา หรือสมุดโน้ต เป็นต้น ทำให้เซลเพจแบบสั้นเหมาะกับเว็บไซต์ที่เสนอขายสินค้าที่ราคาไม่สูงมากนัก
เพราะไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลเยอะเพื่อโน้มน้าวลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อ
ฉะนั้นไม่แปลกที่บน Short-form Sale Page จะประกอบไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น โปรโมชัน คุณสมบัติของสินค้า ข้อความรีวิวจากลูกค้า ตะกร้าสินค้า หรือคำถามที่พบบ่อย ๆ ซึ่งข้อดีของการสร้าง Sale Page รูปแบบนี้ คือการ
จัดวางที่น่าสนใจ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกสนุกกับการอ่านข้อมูลและเลือกสินค้าลงตะกร้า
หากถามว่าควรเลือกทำ Sale Page แบบยาวหรือแบบสั้น? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการโปรโมต
บน Sale Page ถ้าเป็นสินค้าทั่วไปที่ไม่มีข้อมูลจำเพาะ เช่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า หรือแก้วน้ำ เป็นต้น แนะนำให้สร้าง
Sale Page แบบสั้น แต่ถ้าต้องการโปรโมตสินค้าที่มีข้อมูลเชิงลึกหรือข้อมูลจำเพาะ อย่างแท็บเล็ต ทีวี เครื่องซักผ้า
หรือโทรศัพท์นั้น การสร้าง Sale Page แบบยาวน่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า
อยากสร้าง Sale Page ไว้กระตุ้นยอดขาย ควรมีองค์ประกอบใดบ้าง?
เพื่อให้ Sale Page คือเครื่องมือขายออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากใส่รายละเอียดหรือข้อมูลของสินค้าแล้ว โครงสร้างคอนเทนต์เวลาสร้าง Sale Page ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยองค์ประกอบที่ควรมีในหน้าเซลเพจ ได้แก่
Headline
Headline ถือเป็นส่วนที่สำคัญมากของหน้า Sale Page เพราะ Headline คือเนื้อหาส่วนแรกที่ผู้อ่านเห็นเมื่อเข้ามาที่หน้า Sale Page โดย Headline ที่นิยมใช้เป็นข้อความสั้น ๆ ที่กระชับและดึงดูดผู้อ่านสนใจสินค้าหรือบริการในหน้า
นั้น ๆ
Copy
ข้อความโฆษณาเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้เวลาทำ Sale Page แบบยาว เพราะเป็นรายละเอียดของสินค้า
ที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจคุณสมบัติ การใช้งาน หรือการดูแลสินค้าดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นตรงส่วนนี้เวลาสร้าง
Sale Page อาจเพิ่มน่าสนใจด้วยการแบ่งข้อความออกเป็นส่วน ๆ เพื่อเพิ่มความคุ้นเคยในการอ่าน รวมถึงแทรกภาพประกอบเป็นจุด ๆ เพื่อให้ผู้อ่านไม่รู้สึกเบื่อที่ต้องอ่านข้อความยาว ๆ
Call to Action Button
Call to Action Button หรือ CTA Button เป็นอีกองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในการทำ Sale Page เพราะ CTA Button คือตัวกระตุ้นความสนใจให้ผู้อ่านทำอะไรบางอย่างตามจุดประสงค์ที่เราตั้งไว้ ทำให้ข้อความที่ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาต้องเป็นคำที่สั้นและมีความหมายตรงตัว เช่น
| วัตถุประสงค์ | Call to Action Button ที่ใช้ |
|---|---|
| ธุรกิจ E-commerce | Buy Now, สั่งซื้อเลย |
| แหล่งชุมชน (Community) | Subscribe, Join Now, ติดตาม |
| กระตุ้น Conversion | Buy Now, สั่งซื้อเลย, สั่งซื้อก่อนใคร |
| ทั่วไป | View More, อ่านเพิ่มเติม |
โดย CTA Button สามารถแทรกอยู่ในคอนเทนต์ทั้งบทความสั้นและยาว ซึ่งเราสามารถเพิ่มความโดดเด่นของ CTA Button ด้วยการเลือกใช้สีที่ตัดกับสีพื้น หรือเลือกใช้สีตัวหนังสือที่ตัดกับสีปุ่ม ก็จะช่วยให้ลูกค้าสะดุดตาและรับรู้ว่า
เราต้องการให้เขาทำอะไรได้มากขึ้น
Testimonials
Testimonials เป็นคำรับรองหรือความคิดเห็นจากลูกค้าที่เคยใช้สินค้าหรือบริการของเรามาก่อน โดยการนำข้อมูล
ตรงส่วนนี้บน Sale Page จะช่วยเพื่อความน่าเชื่อและเป็นหลักฐานว่าสินค้าหรือบริการของเรามีคุณภาพตามที่โฆษณาจริง ทำให้ผู้อ่านตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ดังนั้น Testimonials จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการโปรโมตสินค้าหรือบริการ
ให้กับลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ
Images and Videos
ภาพและวิดีโอเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้บนหน้าเซลเพจ เพราะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจรายละเอียดและการทำงานของสินค้ามากขึ้น เนื่องจากในภาพหรือคลิปวิดีโอมักมีการระบุลักษณะเด่นและประโยชน์ของสินค้าไว้อย่างครบถ้วน ฉะนั้นธุรกิจไหนที่อยากเพิ่มความน่าเชื่อถือ ไปพร้อม ๆ กับการกระตุ้นยอดขาย ควรนำภาพและวิดีโอมาช่วยดึงดูดความสนใจของ
กลุ่มเป้าหมาย
หากต้องการปั้นยอดขายให้ทะลุเป้า ควรสร้าง Sale Page อย่างไร?
แม้ Sale Page คืออาวุธชั้นดีที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจดิจิทัล แต่รู้ไหมว่า การกระตุ้นยอดขายให้ทะลุเป้า ไม่ใช่แค่การสร้าง Sale Page สวย ๆ หรือทำเว็บไซต์ให้อยู่ในอันดับที่ดีจากการตรวจสอบ Landing Page ข้อมูลบนหน้า
Sale Page ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยปั้นยอดขายออนไลน์ให้ทะลุเป้าได้ไม่ยาก โดยสิ่งที่ควรมีบนหน้า Sale Page ของเรา ได้แก่
1. การระบุกลุ่มเป้าหมาย
ขั้นตอนแรกที่ควรทำก่อนสร้าง Sale Page คือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการของเรา ว่าเป็นใคร มีอายุ ความสนใจ หรือพฤติกรรมในการซื้ออย่างไร? เพื่อปรับแผนการตลาดและสื่อสารให้เหมาะสมกับกลุ่มนั้น ๆ จนนำไปสู่การเพิ่มโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น
2. การนำเสนอคุณค่าของแบรนด์
Define Your Value Proposition หรือคุณค่าที่แบรนด์ส่งมอบให้กับลูกค้า เป็นสิ่งที่แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าธุรกิจของเรามีคุณค่าและสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด
ตัวอย่าง
ร้านชาบูแห่งหนึ่งแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า เป็นร้านสำหรับครอบครัวที่สามารถทานซ้ำได้บ่อย เพราะมีอาหารหลากหลายเมนู ทำให้ร้านชาบูตอบโจทย์คนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่แล้วคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี?
3. กำหนดตัวเลือกในการกำหนดราคา
การเลือกราคาที่เหมาะสมสำหรับสินค้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการขายสินค้าหรือบริการ เพราะการกำหนดราคาที่เหมาะสมช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยเราอาจเสนอราคาที่แตกต่างกันตามบริการที่ได้รับ เพื่อให้ลูกค้าเลือกแพ็กเกจที่ตรงกับความต้องการและอยู่ในเรทราคาที่พร้อมจ่าย ซึ่งวิธีนี้จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากทีเดียว
4. เลือกประเภทของหน้าขายสินค้า
การเลือกประเภทหน้าขายสินค้าหรือบริการที่ต้องการสร้าง Sale Page ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าหน้าขาย
ที่กำลังสร้างจะเป็นรูปแบบไหน เพราะเซลเพจแบบยาวเหมาะกับสินค้าที่จำเป็นต้องให้ข้อมูลค่อนข้างละเอียด เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจการทำงานและประโยชน์ของสินค้าดังกล่าวอย่างแท้จริง
ขณะที่เซลเพจแบบสั้นเหมาะกับสินค้าทั่วไปที่ไม่ต้องลงรายละเอียดในเชิงลึก ดังนั้นเวลาเลือกประเภทเพื่อสร้าง Sale Page ควรพิจารณาความเหมาะสมกับลักษณะของสินค้าหรือบริการ กลุ่มเป้าหมายของลูกค้า และวัตถุประสงค์ของการขายเป็นหลัก
5. การสร้างหัวเรื่อง
การสร้างหัวเรื่องหรือ Create a headline เป็นการสร้างหัวเรื่องสำหรับหน้าเว็บของเรา โดยข้อความตรงจุดนี้ควรเป็นประโยคสำคัญที่สั้นและโดดเด่น เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่านให้คลิกเข้ามาดูรายละเอียดสินค้าต่อ
หรือทำตามที่หัวเรื่องเสนอ
6. เน้นที่ประโยชน์ของสินค้า
การสร้างเนื้อหาที่เน้นให้เห็นถึงประโยชน์หรือคุณสมบัติที่ดีของสินค้าหรือบริการ ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าเป็นอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือบริการดังกล่าวมีประโยชน์และตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากน้อย
เพียงใด หากสามารถแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการได้อย่างแท้จริง ก็เพิ่มโอกาสที่ลูกค้าคลิกสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวไปด้วย
7. การตอบข้อซักถาม
การตอบข้อซักถามหรือข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวผลิตภัณฑ์หรือบริการอย่างละเอียด ถือเป็นกระบวนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างสัมพันธ์ในเชิงบวกกับลูกค้า นอกจากช่วยให้ลูกค้าเข้าใจคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์
ที่สนใจว่าตอบโจทย์ความต้องการมากน้อยเพียงใด การตอบสนองดังกล่าวยังช่วยให้ขายสินค้าได้ง่ายขึ้นโดย
ไม่จำเป็นต้องแสดงคำโฆษณา
8. การเพิ่มองค์ประกอบทางภาพ
การเพิ่มส่วนประกอบที่เป็นภาพหรือภาพเคลื่อนไหวในหน้า Sale Page เป็นการเพิ่มความน่าสนใจและยังทำให้ลูกค้าเข้าใจตัวผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นผ่านวิดีโอที่แสดงวิธีการใช้สินค้า ดังนั้นเวลาสร้าง Sale Page อย่าลืมพิจารณาการเพิ่มภาพอินโฟกราฟิกหรือวิดีโอเข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
9. การตระหนักรู้ถึงความเร่งด่วน
Create a sense of urgency หรือการสร้างความตระหนักรู้ถึงความเร่งด่วน เป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าที่คลิกเข้ามาที่หน้า Sale Page ตัดสินใจซื้อสินค้าทันที โดยขั้นตอนนี้คุณอาจยื่นข้อเสนอที่มีเวลาจำกัด เพิ่มตัวจับเวลา
นับถอยหลัง หรือเน้นว่ามีสินค้าจำนวนจำกัด เพื่อกระตุ้นการตอบสนองที่เร็วขึ้นของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันกลยุทธ์
การตลาดออนไลน์ลักษณะนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เช็กลิสต์ 3 ข้อดีของการสร้าง Sale Page ที่มีต่อธุรกิจออนไลน์
จะเห็นได้ว่าเว็บ Sale Page คือตัวกระตุ้นการขายชั้นเยี่ยมที่จะทำให้คนที่เข้ามาในเว็บไซต์ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ
ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การสร้าง Sale Page ได้รับความนิยมมากขึ้นในธุรกิจดิจิทัล เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
วันนี้ Adme Media บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร ได้รวบรวมข้อดีของการทำ Sale Page ที่มีต่อธุรกิจออนไลน์มาฝาก
แสดงข้อมูลครบจบในหน้าเดียว
เนื่องจาก Sale Page คือหน้าเว็บที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการขายสินค้า ทำให้ข้อมูลที่ปรากฏบนเซลเพจไม่ได้มีแค่ราคาหรือรุ่นสินค้า แต่ยังระบุถึงประโยชน์ของสินค้าอย่างครบถ้วนในหน้าเดียว ส่งผลให้บน Sale Page หน้าหนึ่งจะมีทั้งชื่อสินค้า ราคา รีวิวจากผู้ใช้งาน โปรโมชันพิเศษ และตะกร้าสินค้านั่นเอง
ตัวช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยในการปิดการขาย Sale Page คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก ด้วยข้อมูลที่ละเอียดและครบถ้วน รวมถึงมีโปรโมชันและ CTA Button ที่เห็นแล้วชวนคลิกสั่งสินค้า ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ประหยัดค่าใช้จ่าย
การสร้าง Sale Page ไว้เสนอขายสินค้าหรือบริการบนช่องทางออนไลน์ ช่วยลดต้นทุกในการเปิดหน้าร้านแบบออฟไลน์ได้มากทีเดียว ทำให้คุณสามารถนำค่าเช่าสถานที่และค่าจ้างพนักงานมาลงทุนต่อยอดธุรกิจได้อีก
สำหรับใครที่เคยสงสัยว่า เซลเพจคืออะไร? คงได้คำตอบแล้วว่า Sale Page คือประตูด่านสำคัญในการชิงพื้นที่บนตลาดออนไลน์ ทำให้การสร้าง Sale Page จึงเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจควรมี เพราะเว็บที่ทำ Sale Page ช่วยให้สินค้าของคุณ
ดูโดดเด่นและน่าสั่งซื้อ ทั้งขั้นตอนการสั่งซื้อที่ง่ายบนเว็บ Sale Page สวย ๆ ก็ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าของคุณอีกด้วย ดังนั้นใครที่อยากจะทำ Sale Page ดี ๆ ทาง ADME บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร ก็มีบริการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณภาพรองรับ SEO เพื่อให้สินค้าของคุณไปติดหน้าค้นหาบน Google ได้ง่าย ๆ
