Skip to content
ทำการตลาดมาสักพักแต่บางยังไม่รู้ว่า Retargeting คืออะไร
Table of Contents

Retargeting คือกลยุทธ์ที่ช่วยเร่งความสำเร็จธุรกิจในยุคดิจิทัล

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจเข้มข้นขึ้นทุกวัน Retargeting คือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสการขายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสานกับ Remarketing ที่ใช้โฆษณาเพื่อดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาสู่แบรนด์ การลงทุนใน Retargeting Ads ร่วมกับการทำงานของผู้เชี่ยวชาญด้านรับทำ SEO ติดหน้าแรกจะช่วยผลักดันธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน บทความนี้ ADME บริษัทการตลาดออนไลน์ครบวงจร จะพาคุณไปรู้จัก Retargeting คืออะไร? และทำไม Retargeting Ads คือวิธีที่แบรนด์ชั้นนำเลือกใช้เพื่อปิดการขาย

เจาะลึก Retargeting คืออะไร? มีประโยชน์ยังไงในกลยุทธ์การตลาด

หากถามว่า Retargeting คืออะไร? คำตอบ Retargeting เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยดึงดูดลูกค้าที่เคยสนใจแบรนด์ของคุณให้กลับมาซื้อหรือแสดงความสนใจอีกครั้ง โดยการแสดงโฆษณาที่ปรับตามพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ การเพิ่มสินค้าลงตะกร้า หรือการคลิกดูโฆษณา โฆษณาที่แสดงจะเรียกว่า Retargeting Ads ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมให้เป็นลูกค้าจริง

การใช้ Retargeting ไม่เพียงช่วยทำให้แบรนด์ของคุณยังคงอยู่ในความทรงจำของลูกค้า แต่ยังสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อมากขึ้น เพราะลูกค้าที่เคยสนใจสินค้าของคุณจะรู้สึกว่าโฆษณามีความเกี่ยวข้องกับพวกเขามากขึ้น และตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น

ไขคำตอบ การทำ Retargeting และ Remarketing เหมือนหรือต่างกัน?

เมื่อพูดถึงการตลาดดิจิทัล คำว่า Retargeting และ Remarketing มักจะถูกใช้สลับกัน แต่ทั้งสองกลยุทธ์มีความแตกต่างที่สำคัญ แม้ว่าจะมีเป้าหมายเดียวกันคือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เคยสนใจสินค้าและบริการของเรา แต่ใช้วิธีการที่แตกต่างกัน วันนี้ ADME Media จะพาไปดูความแตกต่างระหว่าง Retargeting และ Remarketing เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในการปรับปรุงการตลาด

หัวข้อ Retargeting Remarketing
ช่องทางการทำการตลาด โฆษณาผ่านเว็บไซต์, Google Display Network หรือโซเชียลมีเดีย การส่งอีเมลหรือข้อความโดยตรงไปยังลูกค้า
กลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือแสดงความสนใจในสินค้าของเรา ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือแสดงความสนใจในสินค้าของเรา
รูปแบบการสื่อสาร การแสดงโฆษณาในรูปแบบต่าง ๆ ซ้ำ ๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจ การส่งอีเมลหรือข้อความเพื่อติดตามและเสนอข้อเสนอพิเศษ
เป้าหมายหลัก กระตุ้นให้ผู้ที่เยี่ยมชมเว็บไซต์กลับมาซื้อสินค้าหรือบริการ ส่งเสริมให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำหรือกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อ
ลักษณะของข้อความ ข้อความส่วนใหญ่เป็นโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ผู้ใช้สนใจ มักจะเป็นข้อเสนอพิเศษ, คูปอง หรือข้อความที่เกี่ยวกับการสั่งซื้อที่ยังค้างอยู่
การใช้ข้อมูล ข้อมูลการเยี่ยมชมเว็บไซต์และพฤติกรรมออนไลน์อื่นๆ เช่น คลิกหรือดูสินค้า ข้อมูลจากการสมัครสมาชิก การซื้อสินค้า หรือการติดต่อกับบริษัท

เรียนรู้จาก Content Pillar ตัวอย่างที่นำไปใช้ในธุรกิจได้จริง

การทำ Retargeting คือกลยุทธ์สำคัญในตลาดออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยการใช้ Retargeting Ads จะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือโฆษณามาก่อน ทำให้โอกาสในการแปลงผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้าจริงสูงขึ้น ดังนั้น Retargeting Ads จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างการรับรู้ที่ดีขึ้น หากคุณต้องการบริการการตลาดออนไลน์ครบวงจร การใช้ Retargeting จะช่วยให้กลยุทธ์ของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การทำ Retargeting ช่วยธุรกิจนำเสนอสินค้าหรือบริการซ้ำให้กลุ่มเป้าหมายที่เคยแสดงความสนใจ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นลูกค้าจริง การแสดงโฆษณาต่อเนื่องให้กับผู้ที่ยังไม่ได้ซื้อ ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจ โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้ยังลังเลหรือยังไม่ได้ตัดสินใจในครั้งแรก การกลับมาดึงความสนใจเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้า

Retargeting คือกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยใช้ Retargeting Ads ที่ตรงกับความสนใจ ช่วยเพิ่ม Engagement และความไว้วางใจกับแบรนด์ หากคุณต้องการบริการการตลาดออนไลน์ครบวงจร Retargeting จะทำให้กลยุทธ์ของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การแสดงโฆษณา Retargeting Ads ซ้ำช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเคยเยี่ยมชมเว็บไซต์แต่ยังไม่ได้ซื้อ การเห็นโฆษณาซ้ำเสริมสร้างความคุ้นเคยและทำให้ลูกค้าคิดถึงธุรกิจของคุณเมื่อถึงเวลาตัดสินใจ การทำ Retargeting จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มการรับรู้และจดจำแบรนด์ในระยะยาว

หนึ่งในประโยชน์สำคัญของ Retargeting คือการเพิ่มประสิทธิภาพ ROI โดยการลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณากับกลุ่มที่ไม่สนใจหรือยังไม่พร้อมซื้อ Retargeting มุ่งเน้นไปที่กลุ่มที่เคยแสดงความสนใจ ทำให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียในการโฆษณา และเพิ่มโอกาสทำกำไรจากลูกค้ากลุ่มเดิม

เป้าหมายในการทำ Retargeting คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจคุณ

แม้ว่าธุรกิจที่เลือกใช้กลยุทธ์ Retargeting จะมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องการเหมือนกันคือ การใช้ Retargeting Ads เพื่อดึงลูกค้าที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือธุรกิจของคุณกลับมาอีกครั้ง โดยการกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจซื้อสินค้า บริการ หรือดำเนินการตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ เช่น การกรอกข้อมูล หรือการสมัครสมาชิก

นอกจากการเพิ่มยอดขายแล้ว Retargeting ยังช่วยให้การลงทุนในโฆษณามีความคุ้มค่าและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้าจริงได้มากขึ้น หากคุณต้องการให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำและเพิ่มโอกาสในการปิดการขายสูงขึ้น Retargeting คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามในการวางแผนการตลาดของคุณ

รู้จักรูปแบบการทำ Retargeting สุดยอดกลยุทธ์ที่ทุกธุรกิจต้องรู้

ขอพามารูปแบบการทำ Retargeting ที่หลากหลายกว่าที่คุณคิด

เมื่อการทำ Retargeting คือการแสดงโฆษณากับผู้ที่เคยติดต่อหรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของธุรกิจคุณ เพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ โดยทั่วไปจึงสามารถแบ่งการทำ Retargeting ออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ตามลักษณะการเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่

Pixel-Based Retargeting

เป็นการติดตั้ง Tracking Pixel บนเว็บไซต์เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือทำกิจกรรม เช่น ดูสินค้าหรือเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าแต่ยังไม่ได้ซื้อ จากนั้นระบบจะติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้และแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่พวกเขาสนใจบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram หรือ Google Ads เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขายกับลูกค้าที่สนใจสินค้าของคุณ

 List-Based Retargeting

List-Based Retargeting ใช้รายชื่อผู้ติดต่อ (Email Lists) เช่น ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือสมัครรับข้อมูล แล้วนำรายชื่อนี้ไปอัปโหลดบนแพลตฟอร์มโฆษณา เช่น Facebook Ads หรือ Google Ads เพื่อแสดงโฆษณาต่อกลุ่มลูกค้าดังกล่าว วิธีนี้ช่วยดึงลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการที่เคยสนใจ

สำรวจ 3 กลยุทธ์หลักในการทำ Retargeting เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ในโลกการตลาดออนไลน์ การทำ Retargeting คือกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งาน Social Media มักเจอปัญหาการโดนโฆษณาจากแบรนด์เดิม ๆ ติดตามตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้รู้สึกรำคาญใจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ วันนี้ ADME บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร จะมาแชร์ 3 กลยุทธ์หลักในการทำ Retargeting Ads ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ให้กับแคมเปญของคุณ

Behavioral Retargeting คือการทำ Retargeting ตามพฤติกรรมของผู้ใช้ โดยใช้ข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ระบบจะเก็บข้อมูลการกระทำของผู้ใช้ เช่น การดูสินค้าหรือการเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าแต่ยังไม่ได้ซื้อ เมื่อผู้ใช้เหล่านี้กลับไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook หรือ Google Ads โฆษณาสินค้าที่พวกเขาสนใจจะปรากฏขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายอย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนของ Contextual Retargeting คือการแสดงโฆษณาในบริบทที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือสถานการณ์ของผู้ใช้ เช่น หากผู้ใช้กำลังอ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โฆษณาที่แสดงอาจเกี่ยวข้องกับการจองโรงแรมหรือแพ็กเกจทัวร์ การทำ Retargeting แบบนี้ช่วยเชื่อมโยงสินค้าหรือบริการกับความต้องการของลูกค้าในขณะนั้น เพิ่มความน่าสนใจและโอกาสให้ผู้ใช้คลิกเพื่อทำการซื้อ

ขณะที่ Sequential Retargeting เป็นการแสดงโฆษณาตามลำดับในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการตัดสินใจซื้อ เช่น โฆษณาแรกอาจแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า เมื่อผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณาแล้ว โฆษณาถัดไปอาจเสนอส่วนลดพิเศษหรือข้อเสนอพิเศษที่กระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ การทำ Retargeting แบบนี้ช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและกระตุ้นให้ผู้ใช้กลับมาซื้ออย่างต่อเนื่อง

จากข้างต้น การทำ Remarketing หรือ Retargeting Ads คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้คุณแสดงโฆษณาที่ปรับให้ตรงกับความสนใจของลูกค้า เพื่อดึงดูดให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้าอีกครั้งหลังจากที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ แต่สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นกับการทำ Retargeting Ads อาจจะรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากจุดไหน หรือจะทำอย่างไรให้โฆษณาของคุณได้ผลดีที่สุด ADME เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านรับจ้างทำ SEO และการตลาดออนไลน์ครบวงจร พร้อมช่วยคุณในทุกขั้นตอนของการทำ Retargeting คือตั้งแต่การตั้งค่าเบื้องต้นไปจนถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์ เพื่อให้แคมเปญของคุณมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ