Skip to content
ประเภทของเว็บไซต์แตกต่างกันอย่างไร? ไขข้อสงสัย

เลือกประเภทของเว็บไซต์ให้เหมาะกับธุรกิจเพื่อประสิทธิภาพที่ดี

Table of Contents

การรู้จักประเภทของเว็บไซต์เป็นเรื่องที่นักธุรกิจหรือผู้ทำเว็บไซต์ต้องให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่เว็บไซต์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีรูปแบบเว็บไซต์ที่เหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นวันนี้ ADME บริษัทรับทำ SEO รายเดือน จะพาทุกคนไปหาคำตอบว่าเว็บไซต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีรูปแบบการใช้งานอย่างไร? Personal Website คืออะไร? ตลอดถึงทำความรู้จักการตลาดออนไลน์สุดฮิตอย่าง SEO และ SEM เพื่อให้ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ในการทำธุรกิจได้ในอนาคต

9 ประเภทของเว็บไซต์ ความหลากหลายในการสร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้

ปัจจุบันเว็บไซต์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของการดำเนินธุรกิจเพื่อใช้ในการสื่อสารและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังมีหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลของธุรกิจผ่านเครื่องมือค้นหาได้อย่างง่ายดาย รวมถึงทำให้ธุรกิจสามารถสร้างยอดขายและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และหากถามว่าเว็บไซต์มีกี่ประเภท
แต่ละประเภทมีรูปแบบเว็บไซต์แตกต่างกันอย่างไร คำตอบคือเว็บไซต์นั้นมีหลากหลายประเภทด้วยกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมาย

ดังนั้น ADME จึงนำเอา 9 ประเภทของเว็บไซต์ที่นักธุรกิจหรือผู้ทำเว็บไซต์ต้องรู้จักมาฝาก เพื่อให้คุณสามารถเลือกรูปแบบเว็บไซต์ที่เหมาะสมและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้น

Personal Website คือเว็บไซต์ส่วนบุคคล เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีการใส่ทั้งข้อมูลส่วนตัว ผลงาน ทักษะ ความสนใจ รวมไปถึงบันทึกเรื่องราวและประสบการณ์ต่าง ๆ ของเจ้าของเว็บไซต์ โดยรูปแบบเว็บไซต์ประเภทนี้มักถูกสร้างและถูกใช้เพื่อโปรโมต พรีเซนต์ตัวเองสำหรับการหางาน การแบ่งปันความรู้ หรือการแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้อื่น

E-Commerce Website เป็นประเภทของเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์สำหรับการซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์โดยเฉพาะ  โดยทำหน้าที่เป็นเสมือนร้านค้าออนไลน์ที่เน้นการให้ข้อมูลของสินค้า และรายละเอียดของสินค้า ซึ่งลูกค้าหรือผู้ใช้งานสามารถสั่งซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ พร้อมชำระเงินได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์นั้น ๆ อย่างสะดวก

รูปแบบเว็บไซต์ที่ถูกสร้างและออกแบบขึ้นมาสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะคือ Business Website โดยประเภทของเว็บไซต์ชนิดนี้จะมีการเน้นทำให้ผู้ใช้งานรู้จักกับธุรกิจ รวมถึงสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น มีการประชาสัมพันธ์และนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผลิตภัณฑ์ สินค้า บริการ รวมไปจนถึงข้อมูลประวัติของธุรกิจและอาจมีการเชื่อมโยงไปยังหน้าของสินค้า ซึ่งนำมาสู่การปิดการขายในอนาคต

Blog Website เป็นเว็บไซต์ที่มีการที่เน้นไปที่การนำเสนอบทความ เนื้อหา ข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ หรือการอัปเดตเทรนด์เป็นหลัก โดยจะมีการเรียงลำดับการเขียนไว้ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาติดตามการอัปเดตข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่นำมาลงอย่างสม่ำเสมอ

Portfolio Website เป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานของผู้ใช้งานโดยเฉพาะ โดยอาจประกอบไปด้วยข้อมูลส่วนตัว ผลงาน รายละเอียดผลงาน และช่องทางการติดต่อ เปรียบเสมือนแฟ้มสะสมผลงานในรูปแบบเว็บไซต์ออนไลน์ที่เปิดให้ผู้ใช้งานได้มาสร้างและลง Portfolio เก็บไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำมาใช้สมัครงานหรือประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

Membership Website เป็นรูปแบบเว็บไซต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือ ผู้ที่จะสามารถเข้าไปใช้งานเว็บไซต์หรือเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ประเภทนี้ได้จำเป็นต้องสมัครสมาชิกตามเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนเท่านั้น เช่น อาจมีการชำระค่าธรรมเนียมหรือค่าสมัครก่อนเข้าใช้

Non-profit Website เป็นรูปแบบเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือ หรือให้บริการแก่สังคมในด้านต่าง ๆ โดยไม่แสวงหาผลกำไรจากการดำเนินการ โดยส่วนมากจะพบประเภทของเว็บไซต์นี้ได้จากมูลนิธิ สมาคม และหน่วยงานต่าง ๆ

Information Website เป็นเว็บไซต์ที่มุ่งเน้นด้านการให้ความรู้และนำเสนอข้อมูลในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งรูปแบบเว็บไซต์ของ Information Website จะไม่มีการเน้นขายสินค้าหรือบริการ แต่จะให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

Online Forum Website เป็นรูปแบบเว็บไซต์ที่มีลักษณะคล้ายชุมชนออนไลน์ ใช้สำหรับเป็นพื้นที่ในการพูดคุยหรือสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งภายในเว็บไซต์การจะมีการแบ่งหมวดหมู่ย่อยของเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกเข้าไปพูดคุยได้ตามความสนใจ เช่น เครื่องสำอาง เทคโนโลยี แฟชั่น เกม การทำอาหาร การท่องเที่ยว หรืออื่น ๆ

ข้อดีที่ธุรกิจจะได้รับ หากเลือกประเภทของเว็บไซต์อย่างเหมาะสม

การเลือกประเภทของเว็บไซต์ที่มีความเหมาะสมกับธุรกิจนับเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม เพราะหากเลือกประเภทของเว็บไซต์อย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างการรับรู้และสื่อสารกับลูกค้าผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นเมื่อทราบแล้วว่าเว็บไซต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ADME Media บริษัทรับจ้างทำ SEO สายขาว จะพาทุกคนมารู้ถึงข้อดีของการเลือกประเภทของเว็บไซต์อย่างเหมาะสม ดังนี้

  • ช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจถูกค้นหาและพบเจอได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เป็นที่รู้จักขึ้น
  • ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้กับธุรกิจ
  • ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจวัตถุประสงค์ของธุรกิจได้อย่างดีเยี่ยม
  • ช่วยเพิ่มช่องทางการสื่อสารข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานกับธุรกิจ รวมถึงเป็นการเพิ่มช่องทางการปิดการขาย
  • ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอยู่เหนือคู่แข่ง
  • ช่วยให้ธุรกิจสามารถมีปฏิสัมพันธ์และขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง


SEM และ SEO สุดยอดเครื่องมือการทำการตลาดออนไลน์สำหรับ Website

นอกจากข้อมูลเรื่องเว็บไซต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร? ที่นำมาฝากกันแล้ว ทราบหรือไม่ว่าธุรกิจสามารถส่งเสริมให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพในการสร้างการรับรู้
ยิ่งขึ้นได้ด้วยการทำให้เว็บไซต์ติดอันการค้นหาบนหน้าแรกของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google โดยการทำ SEM (Search Engine Marketing) และ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งในส่วนนี้ ADME บริษัทรับทำ SEO WordPress จะมาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องมือเหล่านี้ เพื่ออัปเกรดเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

SEM (Search Engine Marketing)

SEM หรือเรียกเต็มว่า ๆ Search Engine Marketing เป็นเครื่องมือด้านการตลาดออนไลน์โดยใช้วิธีการซื้อพื้นที่โฆษณาของ Search Engine อย่าง Google Ads เพื่อทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจแสดงอยู่ในหน้าแรกเมื่อผู้ใช้งานทำการค้นหาโดยใช้ Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือ Keyword ที่ธุรกิจได้ทำการซื้อพื้นที่โฆษณาไว้ โดยมีการเก็บค่า
ใช้จ่ายในรูปแบบ Pay Per Click (PPC) ซึ่งเป็นการเสียค่าใช้จ่ายตามจำนวนครั้งที่ผู้ใช้งานคลิกโฆษณาเพื่อเข้าชมเว็บไซต์

SEO (Search Engine Optimization)

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่มีความคล้ายกับ SEM ในการทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจติดอันดับการค้นหาในหน้าแรกของ Google แต่มีความต่างตรงที่ SEO เป็นเครื่องมือที่ใช้กระบวนการแบบ Organic ในการปรับปรุงเว็บไซต์ด้วยเทคนิคต่างๆ ตามหลักการของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในหน้าแรก โดยไม่มีการซื้อโฆษณาและไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำ SEO ได้แก่

  • ต้องปรับปรุงคุณภาพของเว็บไซต์ตามหลักเกณฑ์ของ Google และ Core Web Vitals
  • ต้องมีการสร้างสรรค์ Content ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 
  • ต้องมีการทำ Keyword Research และคำนึงถึงจำนวน Keyword ที่ต้องใช้
  • ต้องมีการดูแลและปรับปรุงการเชื่อมโยงลิงก์ภายในเว็บไซต์ 
  • ต้องมีการจัดการกับการสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์ภายนอก 
  • ต้องมีการดูแลและอัปเดตข้อมูลภายในเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ


ความแตกต่างของ SEM VS SEO

ไขข้อสงสัย SEM VS SEO เหมือนหรือต่างกันยังไง มีคำตอบ

เมื่อรู้แล้วว่าเว็บไซต์มีกี่ประเภท มีรูปแบบเว็บไซต์อะไรบ้าง ADME ขอแนะนำให้ธุรกิจวางแผนการทำ SEM และ SEO ควบคู่กันไป เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสามารถสร้างยอดขายได้ตามที่มุ่งหวังไว้ ซึ่งหากใครยังสงสัยถึงความแตกต่างของ SEM และ SEO อยู่ มาเทียบจุดเด่นของทั้งสองเครื่องมือแบบชัด ๆ พร้อมกันเลย

SEMSEO
เป็นการทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google แบบ Paid Searchเป็นการทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google แบบ Organic Search
จ่ายเงินซื้อโฆษณาไม่มีค่าใช้จ่าย
เป็นกลยุทธ์การทำโฆษณาระยะสั้น เว็บไซต์ติดอันดับอย่างรวดเร็วและแน่นอนอาจมีการใช้ระยะเวลาในการทำนาน ขึ้นอยู่กับรูปแบบเว็บไซต์ของธุรกิจ
ระยะเวลาการติดอันดับขึ้นอยู่กับเงินที่จ่าย ติดอันดับอย่างยั่งยืนกว่า
ติดอันดับได้แม้เว็บไซต์ไม่มีคุณภาพเว็บไซต์ต้องมีคุณภาพถึงจะติดอันดับ

เผยสิ่งที่ต้องคำนึงถ้าอยากประสบความสำเร็จในการออกแบบเว็บไซต์

เมื่อเลือกประเภทของเว็บไซต์ได้แล้ว เรื่องต้องมีที่นักธุรกิจหรือผู้ทำเว็บไซต์ต้องคำนึกคือการออกแบบไซต์อย่างไร? ให้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานได้จำนวนมาก เพราะการออกแบบเว็บไซต์ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีเกี่ยวข้องกับเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานและด้านอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน มาดูสิ่งที่ต้องคำนึงในการออกแบบเว็บไซต์ที่ ADME Media นำมาฝากกันเลย

  • ออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจและการใช้งาน
  • ออกแบบเว็บไซต์ให้สามารถสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ อย่างชัดเจน มีการแบ่งประเด็น แยกหัวข้อให้เข้าใจง่าย
  • ออกแบบเว็บไซต์โดยใช้ฟอนต์หรือตัวอักษรที่อ่านง่าย ไม่ซับซ้อน มีขนาด และสีของตัวอักษรที่เหมาะสม
  • ออกแบบเว็บไซต์โดยเลือกสีให้เหมาะสมกับรูปแบบของธุรกิจ
  • ออกแบบเว็บไซต์โดยการเลือกใช้รูปภาพที่มีความสวยงามเพื่อดึงดูดความสนใจ รวมถึงช่วยสื่อสารให้ผู้ใช้งานเข้าใจในข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
  • ออกแบบเว็บไซต์ให้ตอบสนองต่อการใช้งานในทุกอุปกรณ์ 
  • ออกแบบเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานเข้าใจง่าย มีระบบ Navigation หรือระบบการนำทางที่เรียบง่าย เชื่อมโยงผู้ใช้งานไปยังหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างไม่สับสน


นอกจากนี้เพื่อให้เว็บไซต์มีคุณภาพและตรงตามข้อกำหนดของ Google ธุรกิจต้องมีการคำนึงถึง Core Web Vitals ทั้งในเรื่องความเร็วในการดาวน์โหลดเว็บไซต์ คอนเทนต์ภายในเว็บไซต์ การตอบสนองของเว็บไซต์ ตลอดถึงความเสถียรของเว็บไซต์อีกด้วย

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วทุกคนคงรู้จักเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์และประเภทของเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร Personal Website คืออะไร ข้อดีของการเลือกรูปแบบเว็บไซต์ที่เหมาะสมมีอะไรบ้าง? ตลอดถึงได้ทำความรู้จักเครื่องมือด้านการตลาดอย่าง SEM และ SEO เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้นักธุรกิจหรือผู้ทำเว็บไซต์สามารถสร้างเว็บไซต์ธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน และหากใครกำลังมองหาตัวช่วยในการทำเว็บไซต์หรือทำการตลาดออนไลน์ ADME Media พร้อมให้คำแนะนำ คำปรึกษาเพื่อช่วยสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจคุณ