Skip to content
On Page SEO คืออะไร อยากติดอันดับบนเว็บไซต์ต้องดู

On Page SEO คืออะไร เหตุใดคนทำงานสาย SEO จึงต้องรู้จัก

Table of Contents

ในยุคที่เราทุกคนต่างค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อตอบข้อสงสัยผ่าน Search Engine ในโลกออนไลน์กันเป็นปกติ จึงทำให้เว็บไซต์ต่าง ๆ มีการแข่งขันกันอย่างมากในการทำให้เว็บไซต์ของตนเองติดอันดับต้น ๆ ของ Search Engine ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้เว็บไซต์โดดเด่นติดอันดับนั่นก็คือการทำ On Page SEO ที่มีคุณภาพ

การทำ On Page SEO คือ การปรับแต่งและปรับปรุงส่วนต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์เพื่อให้ Search Engine อย่าง Google, Bing และ Yahoo สามารถเข้าใจและจัดอันดับเว็บไซต์ของเราได้ดีขึ้นและติดอันดับสูงในการค้นหา โดยส่วนประกอบของ On Page SEO ที่มักปรับปรุงมีครอบคลุมหลายด้าน เช่น การปรับปรุงเนื้อหาให้มีคุณภาพ การใช้คำที่เหมาะสม การจัดการโครงสร้างของเว็บไซต์ เป็นต้น

เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา โอกาสที่จะดึงดูดผู้เข้าชมที่มีคุณภาพสูงก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย และนำไปสู่ยอดขายสินค้าหรือบริการที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นในปัจจุบันเราจึงเห็นบริษัทรับทำ SEO On Page เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ADME Media ก็มีบริการรับทำ SEO ติดหน้าแรกที่มีคุณภาพให้ทุกธุรกิจได้เลือกใช้บริการตามความเหมาะสม

ไขข้อสงสัย On Page SEO กับ Off Page SEO มีความแตกต่างอย่างไร

สำหรับการทำ SEO ในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำการตลาดออนไลน์ โดยการทำ SEO สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ นั่นก็คือ On Page SEO และ Off Page SEO ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ก็มีบทบาทที่แตกต่างกัน

อย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นว่า On Page SEO คือ การปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น SEO URL การทำให้เนื้อหามีคุณภาพ การเชื่อมโยงลิงก์ เพื่อให้ Search Engine มองเห็นและจัดอันดับการค้นหาให้อยู่ในอันดับต้น ๆ แต่สำหรับ Off Page SEO จะเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์โดยการปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่นอกเว็บไซต์ของเรา เช่น การทำ Backlinks การรีวิว การเผยแพร่บทความในเว็บไซต์ภายนอก เป็นต้น

On Page SEO Off Page SEO
การปรับแต่ง เนื้อหาที่มีคุณภาพ และเทคนิคต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ภายนอกเว็บไซต์
เป้าหมายหลัก เพิ่มความสามารถในการเข้าใจของ Search Engine
และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ รวมถึงตอบโจทย์
ความต้องการของผู้ค้นหาได้อย่างตรงจุด
เพิ่มความน่าเชื่อถือและความนิยมของเว็บไซต์
ในสายตาของ Search Engine และผู้ใช้งาน
การควบคุม เจ้าของเว็บไซต์สามารถควบคุมและปรับแต่งได้โดยตรง เจ้าของเว็บไซต์ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด
ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับเว็บไซต์อื่น ๆ
และการสร้างความสัมพันธ์ในชุมชนออนไลน์

ทำไม On Page SEO จึงเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของเว็บไซต์

หลายคนอาจจะรู้แค่ว่าการปรับแต่งเว็บไซต์ด้วย On Page SEO คือ ตัวช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าการทำ On Page SEO นั้นมีความสำคัญต่อทั้งผู้ใช้งานและการทำงานของ Algorithm หรือ Bot ของ Search Engine มาดูกันเลยว่าความสำคัญเหล่านั้นมีอะไรบ้าง

ผู้ใช้งานที่เข้ามาใน Search Engine เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการหรือสิ่งที่สงสัย การปรับปรุงเว็บไซต์ด้วยการทำ On Page SEO  เช่น การตั้งชื่อที่อยู่ลิงก์ (Slug URL)
การตั้งชื่อ Title หรือ Meta Description จะช่วยทำให้ผู้ใช้งานรู้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคำตอบที่เขากำลังมองหาหรือไม่

หากเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้งาน การใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในเนื้อหาและเมตาแท็กจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถระบุได้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขากำลังค้นหา หากเว็บไซต์ของคุณสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้จริง คุณก็จะได้กลุ่มเป้าหมายที่อาจสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณและซื้อมาใช้ในที่สุด

Search Engine อย่าง Google จะพิจารณาเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณว่ามีความเกี่ยวข้อง กับคำค้นหา หรือคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานใช้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การสแปมคีย์เวิร์ดไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง การทำ On Page SEO คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ที่มีวิธีการมากกว่านั้นเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับดีขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้เว็บไซต์โดดเด่นสำหรับ Algorithm ของ Search Engine อย่าใช้วิธีการที่ผิดเพราะนั่นอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณติด Blacklist ได้ในที่สุด ซึ่งส่งผลต่อการขึ้นอันดับในระยะยาวอีกด้วย

ตัวช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในการทำ On Page SEO คืออะไรบ้าง

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีการทำให้เว็บไซต์ของตนเองติดอันดับในการค้นหาผ่าน Search Engine ด้วยการทำ On Page SEO ด้วยตนเอง วันนี้ ADME Media บริษัทที่มี
ความเชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ จะมาแชร์เคล็ดลับว่าตัวช่วยในการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับด้วยการทำ On Page SEO คืออะไรบ้าง

เขียนเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และไม่ซ้ำใคร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำ On Page SEO ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นก็คือการมีเนื้อหาในเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและสอดคล้อง สอดคล้องกับธุรกิจ บริการ และความต้องการของ
ผู้อ่าน ซึ่งการที่จะทำให้เนื้อหาของเว็บไซต์นั้นมีประโยชน์ไปพร้อม ๆ กับตอบสนองกับการค้นหาของผู้อ่าน นั่นก็คือการทำการบ้านเกี่ยวกับ Keyword ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เราต้องการเขียน เพื่อนำ Keyword เหล่านั้นมาใส่ในเนื้อหาของเราได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

นอกจากการทำการบ้านเกี่ยวกับ Keyword ที่ดีแล้ว การเขียนเนื้อหาให้มีความน่าสนใจ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื้อหาที่เขียนนั้นจะต้องไม่ได้คัดลอกมาจากเว็บไซต์อื่น แต่ต้องเป็นการเขียนขึ้นมาใหม่ ให้มีความน่าสนใจ เนื้อหาครบถ้วน มีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ และต้องมีเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย 

ในหัวข้อนี้สามารถสรุปเป็นข้อ ๆ เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้กับการทำ On Page SEO คือ

  • ใส่ Keyword ในเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติและเหมาะสม
  • ตรวจสอบว่าเนื้อหาสอดคล้องไปกับ Keyword หรือไม่
  • เนื้อหาที่เขียนต้องมีประโยชน์ และตอบคำถามของผู้อ่านอย่างครบถ้วน
  • เขียนเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใคร หรือเขียนเนื้อหาที่คู่แข่งยังไม่มี
  • สอดคล้องกับธุรกิจ บริการ เพื่อแสดงถึงจุดเด่น ที่ต้องการจะเน้น และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ
วางคำหลักเป้าหมายอย่างเชี่ยวชาญ

วางคำหลักเป้าหมายอย่างมีกลยุทธ์

เมื่อคุณทำการค้นหาและวิเคราะห์เกี่ยวกับ Keyword แล้วว่าคำใดที่มีคนค้นหามากที่สุดในเรื่องนั้น ๆ ขั้นตอนต่อไปก็คือการนำ Keyword เหล่านั้นมาใส่ในเนื้อหาอย่างมีกลยุทธ์
เพื่อที่เมื่อ Google เข้ามาสแกนอ่านเนื้อหาในเว็บไซต์ของเราจะได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเราเกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่ง ADME ได้รวบรวมทริกในการใส่ Keyword มาให้แล้วว่าควรใส่อยู่ใน
ส่วนใดของบทความบ้าง เพื่อให้การทำ On Page SEO มีประสิทธิภาพมากที่สุด

เนื่องจาก H1 คือหัวเรื่องที่ทุกคนเข้ามาจะต้องเห็น ดังนั้นจึงต้องใส่ Focus Keyword ไว้ที่ชื่อหัวเรื่อง ซึ่งเปรียบเสมือนการบ่งบอกเนื้อหาโดยรวมของบทความได้

ในย่อหน้าแรกคุณควรใส่ Keyword หลัก (Focus Keyword) และ Keyword เสริม (Supportive Keyword) ทุกตัวในย่อหน้าแรกอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อให้อัลกอริทึมของ Google รู้ว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร

การใส่คีย์เวิร์ดในหัวข้อย่อยอย่าง H2 หรือ H3 จะช่วยเพิ่มโอกาสที่เนื้อหาจะปรากฏในผลการค้นหาหลากหลายรูปแบบ

การจัดวาง Keyword อย่างถูกต้องและมีกลยุทธ์ในการทำ On Page SEO คือ ตัวช่วยที่เพิ่มโอกาสการจัดอันดับเว็บไซต์ที่ดีขึ้น และยังช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นด้วย เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถค้นหาเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการได้อย่างรวดเร็ว

ปรับแต่ง Heading Tag

การปรับแต่ง Heading Tag หรือแท็กหัวเรื่องในบทความก็เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำ On Page SEO ที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจาก Heading Tag ช่วยให้ Search Engine เข้าใจโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น โดยการเคล็ดลับในการปรับแต่ง Heading Tag ในการทำ On Page SEO คือ

  • H1: ใช้ Keyword หลัก (Focus Keyword) ใน H1 เพื่อให้ Search Engine ทราบว่าหน้านี้มีหัวข้อหลักเกี่ยวกับอะไร
  • H2: ใช้ Keyword เสริม (Supportive Keyword) หรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องใน H2 เพื่อเสริมความเข้าใจในหัวข้อย่อย
  • H3-H6: ใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องในหัวข้อย่อยเหล่านี้ตามความเหมาะสม แต่ควรใช้ให้เป็นธรรมชาติและไม่มากเกินไป


เขียน Meta Description ที่น่าสนใจและดึงดูด

Meta Description เป็นแท็กที่ให้สรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์ บน Search Engine อย่าง Google เมื่อเราค้นหาสิ่งที่ต้องการ ซึ่ง Meta Description อาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับของ Google แต่ Meta Description เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้อ่านตัดสินใจว่าจะคลิกเข้าไปอ่านที่หน้าเว็บไซต์ของเราหรือไม่ ซึ่งก็เรียกได้ว่า Meta Description มีส่วนที่ทำให้ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์จำนวนมากขึ้นด้วยเช่นกัน และส่งผลในทางอ้อมต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Google 

โดยการเขียน Meta Description ให้น่าสนใจสำหรับการทำ On Page SEO คือ

  • เขียน Meta Description ให้มีความยาวเหมาะสม: Google จะตัดคำ Meta Description สำหรับการแสดงผลบนสมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์ ดังนั้นจึงควรเขียนให้สั้น
        กระชับ และเข้าใจง่าย

  • อย่าลืมใส่ Keyword: นอกจาก Meta Description จะทำให้รู้ว่าเนื้อหาตรงกับความต้องการของผู้อ่านแล้วหรือไม่ Google ยังดูที่ Keyword  อีกด้วย เพราะฉะนั้น
        ใน Meta Description ควรมีทั้ง Focus Keyword และ Supportive Keyword เพื่อเพิ่มความโดดเด่นในการค้นหาด้วย

  • เพิ่ม CTA (Call to Action) เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ: การชักชวนให้ผู้อ่านสนใจและคลิกเข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์มากขึ้น ทำได้โดยการใช้คำกระตุ้น เช่น “ทดลองใช้ฟรี”
       “ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม” “หาคำตอบได้ที่นี่! ” เป็นต้น
วิธีจัดรูปแบบ Headings และ Subheading ให้น่าสนใจ

จัดรูปแบบ Headings และ Subheadings ที่น่าอ่าน

การเขียนเนื้อหาสำหรับการทำ On Page SEO คือ การมีเนื้อหาที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ และยังรวมถึงการจัดรูปแบบของ Headings และ Subheadings ให้อ่านง่าย สบายตา โดยการแบ่งหัวข้อเป็นหัวข้อหลักและหัวข้อรอง เพราะหัวข้อหลักและหัวข้อรอง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสแกนหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ Google เข้าใจลำดับความสำคัญของเนื้อหาในหน้าเว็บของคุณ

การใช้ Headings และ Subheadings ไม่เพียงช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างของหน้าเว็บไซต์ได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ Google ตัดสินใจได้ว่าหน้าเว็บไซต์ของคุณตรงกับเจตนาการค้นหาของผู้ใช้หรือไม่ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณมีอันดับสูงขึ้นสำหรับ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ

นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ Keyword ที่หลากหลายในหัวเรื่องเพื่อให้ Google เข้าใจบริบทของโครงสร้างหน้าเว็บและข้อมูลที่คุณครอบคลุมมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยการปรับแต่ง URL

URL เปรียบเสมือนที่อยู่ของเว็บไซต์ สำหรับการทำ On Page SEO Google จึงแนะนำให้เว็บไซต์ที่ต้องการขึ้นอันดับการค้นหาสูง ๆ ให้ใช้ URL ที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้ได้โดยทันทีว่าเว็บไซต์นี้เกี่ยวข้องกับอะไร และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์มากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ได้มีการปรับแต่ง URL โดยสิ่งที่ควรทำสำหรับการปรับแต่ง URL คือ…

  • ใช้คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในการสร้าง URL
  • ใช้ Focus Keyword ใน URL เพื่อการค้นหาที่ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลขสุ่ม วันที่เผยแพร่ หรือค่าเริ่มต้นที่เว็บไซต์เลือกมาให้
  • อย่าลืมอัปเดต URL ก่อนเผยแพร่เสมอ


การทำ Internal Links เพื่อเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์

การทำ Internal Links สำหรับ On Page SEO คือ อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เพราะ Internal Links เป็นการส่งความเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ บนเว็บไซต์เดียวกัน ซึ่งส่งผลต่อการทำ SEO โดยเฉพาะการเชื่อมโยงจากหน้าที่มีคุณภาพสูงไปยังหน้าที่ต้องการปรับปรุง เพื่อให้ Search Engine มองเห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองหน้านี้ และเป็นการบอกให้ Search Engine รู้ว่าหน้านั้นก็มีเนื้อหาที่มีคุณค่าและมีความเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การทำ Internal Links ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูเนื้อหาเพิ่มเติมของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น และใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับในการทำ Internal Links สำหรับ On Page SEO อย่างมีประสิทธิภาพ คือ…

  • ใช้ Anchor Text ที่มีความหมาย : ใช้คำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของหน้าที่เชื่อมโยงไปเพื่อให้ผู้ใช้และ Search Engines เข้าใจว่าหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร
  • ใส่ Internal Links ในเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง : การใส่ลิงก์ลงไปในบทความหรือเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องจะเสริมความเข้าใจและความน่าสนใจในการคลิกเข้าไปดูหน้านั้นมากขึ้น
  • ไม่ใช้ Internal Links มากเกินไป : ควรใช้ Internal Links อย่างพอดี เพื่อไม่ให้เนื้อหาดูน่าเบื่อ และดูเข้าใจยากจนเกินไป นอกจากนั้นยังควรใส่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
        และสอดคล้องกับเนื้อหาด้วย


การใช้รูปภาพช่วยเพิ่มโอกาสการติดอันดับ

อีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการทำ On Page SEO คือ การใช้รูปภาพประกอบกับการอธิบายข้อมูล เพราะนอกจากจะทำให้เนื้อหาน่าอ่าน มีระยะพักสายตา ดีกว่าการนั่งอ่านข้อความยาว ๆ เพียงอย่างเดียวแล้ว การใช้รูปภาพประกอบเนื้อหายังช่วยเพิ่มโอกาสการติดอันดับการค้นหาใน Google Images อีกด้วย

หากคุณอยากให้เนื้อหาหรือเว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาจากรูปภาพก็สามารถทำได้โดยการเขียนข้อความ Alt (Alternative Text) หรือคำอธิบายภาพนั่นเอง ซึ่งเป็นการทำให้ Google เข้าใจว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร และค้นหาภาพได้ง่ายขึ้นเมื่อมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพนั้น ซึ่งการเขียนข้อความ Alt ที่ดีสามารถทำได้โดย…

  • ใช้ข้อความที่มีความสั้นกระชับ
  • ใส่ Focus Keyword ให้เข้ากับบริบทของรูปภาพ
  • อธิบายภาพอย่างชัดเจน
  • ไม่ควรใช้คำอธิบายเหมือนกันทุกภาพ
  • หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “Image of” หรือ “Picture of”


เพิ่มความเร็วให้กับเว็บไซต์ของคุณ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในโลกออนไลน์ผู้คนมีตัวเลือกในการค้นหาข้อมูลอยู่อย่างมากมาย เพราะฉะนั้นอีกสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจจะมองข้ามหรือนึกไม่ถึงในการทำ On Page SEO คือ ความเร็วของหน้าเว็บไซต์ในการตอบสนองต่อผู้ใช้งาน ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Google โดยความเร็วของเว็บไซต์ในที่นี้หมายถึง ระยะเวลาในการโหลดเนื้อหาและรูปภาพ ระยะเวลาในการตอบสนองต่อผู้ใช้งานอย่างการคลิกลิงก์ รวมไปถึงความเสถียรของการจัดวาง Layout 

สำหรับใครที่อยากลองปรับหน้าเว็บไซต์ให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นก็สามารถลองทำเบื้องต้นได้ เช่น

  • ลดขนาดไฟล์ภาพ: เพื่อลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บไซต์
  • ใช้ระบบแคช: การใช้แคชเพื่อเก็บข้อมูลเว็บไซต์ไว้ในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ ช่วยลดเวลาในการโหลดเมื่อเข้าชมครั้งต่อไป
  • ลบปลั๊กอินที่ไม่จำเป็น: ปลั๊กอินที่มากเกินไปสามารถทำให้เว็บไซต์ช้าลง การลบหรือปิดใช้งานปลั๊กอินที่ไม่จำเป็นจะทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้น


ADME หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนที่กำลังอยากปรับปรุงเว็บไซต์ของตนเองให้มีอันดับที่ดีบน Google ได้รู้ว่าการทำ On Page SEO คือสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากต่อการขึ้นอันดับ โดยส่วนประกอบของ On Page SEO ที่คุณสามารถปรับปรุงได้มีตั้งแต่ การเขียนเนื้อหาให้มีคุณค่าและแตกต่าง การใช้ Keyword อย่างเหมาะสม การเขียน Alt
ไปจนถึงการเพิ่มความเร็วของหน้าเว็บไซต์ที่ทำ On Page SEO เรียกได้ว่าเป็นการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ในทุก ๆ ด้านเลยก็ว่าได้

การทำ On Page SEO คือ สิ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้หากคุณไม่เคยมีพื้นฐานด้านนี้มาก่อน ซึ่งการใช้บริการรับจ้างทำ SEO ก็เป็น
หนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะบริษัทรับทำ SEO On Page ที่ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง อย่าง ADME Media บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์แบบ
ครบวงจร ที่พร้อมให้บริการด้วยคุณภาพ อย่างมืออาชีพ ในราคาที่คุ้มค่า คลิกที่นี่ ได้เลย