เพิ่มยอดวิว Youtube เพิ่มความปัง ให้ติดการค้นหาหน้าแรก

การทำ “YouTube Video Optimisation” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “การทํา SEO YouTube คือ” เป็นวิธีการเพิ่มยอดวิว Youtube ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอและช่อง YouTube ผ่านเครื่องมือค้นหาของ YouTube โดยการเพิ่มยอดวิว Youtube สามารถช่วยเพิ่ม Engagement ที่สำคัญได้ ทั้งจำนวนผู้ติดตาม การรับรู้ถึงแบรนด์ และรายได้ เป็นต้น

8 เทคนิคการทำ “YouTube Video Optimisation”

“เพิ่มยอดวิว Youtube โดยการทำ YouTube Video Optimisation” เป็นแนวทางที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเพจ เพลย์ลิสต์ และวิดีโอของช่องได้ เหล่าครีเอเตอร์, Youtubers หรือนักการตลาดออนไลน์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอสำหรับเครื่องมือค้นหาของ YouTube ได้เช่นเดียวกับเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ซึ่งจะมีวิธีเพิ่มยอดวิว Youtube อย่างไรบ้าง? ไปอ่านเพิ่มเติมได้ด้านล่างนี้

1. ความยาวของวิดีโอ (Video Length)

การสร้างวิดีโอระยะยาวเป็นเคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอ YouTube ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแรกของการทำ YouTube Video Optimisation โดยควรมีความยาว “มากกว่า 1 นาทีขึ้นไป” เพราะเมื่อมีความยาวน้อยกว่านั้น ระบบของ Youtube ก็อาจจะมองว่าวิดีโอเป็นสแปมได้ ดังนั้นจึงควรทำให้วิดีโอมีความยาว 20 นาทีขึ้นไป ซึ่งผู้ชมจะใช้เวลาดูโดยเฉลี่ย 10 นาที และ Youtube จะมองว่าวิดีโอที่มีความยาวมากกว่าในเนื้อหาที่ใกล้ ๆ กัน มีประสิทธิภาพในการสื่อสารกับคนดูได้ดีกว่า

2. การตั้งชื่อวิดีโอ (Video Name)

สิ่งที่ช่วยเพิ่มยอดวิว Youtube ได้อีกอย่าง นั่นก็คือการตั้งชื่อวิดีโอ และการตั้งชื่อวิดีโอในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ชื่อวิดีโอที่ตั้งตอนที่ Upload เท่านั้น แต่จะรวมถึง “ชื่อไฟล์ของวิดีโอ” ซึ่ง YouTube อาจใช้สิ่งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับให้คลิปวิดีโอติดหน้าแรกของการค้นหาของ Youtube หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ  เมื่อแสดงวิดีโอในผลการค้นหา 

โดยการตั้งชื่อควรเลือกจาก Keywords เกี่ยวกับเนื้อหาหลักของวิดีโอ ที่มีคนค้นหาเป็นจำนวนมาก เพราะจะทำให้วิดีโอของคุณจะมีโอกาสได้รับการจัดอันดับมากขึ้น และมีโอกาสเพิ่มยอดวิว Youtube ได้เช่นกัน เบื้องต้นสามารถเข้าไปเช็กอันดับความนิยมของ Keywords ที่กำลังฮิตอยู่ได้ใน Tools อย่าง Google Trends (https://trends.google.com) 

3. การใส่คำอธิบายวิดีโอ (Video Description)

ปัจจัยการจัดอันดับที่สำคัญที่สุดอีกปัจจัยหนึ่งในการเพิ่มยอดวิว Youtube โดยการทำ “YouTube Video Optimisation” คือการใส่ Description หรือคำอธิบายของวิดีโอที่มีความเหมาะสม ซึ่งควรใส่ Keywords เกี่ยวกับเนื้อหาหลักของวิดีโอที่สำคัญที่สุดใน 2 ประโยคแรกของคำอธิบาย เพื่อให้วิดีโอถูกเจอจากการค้นหาได้ง่ายขึ้น และคำอธิบายไม่ควรมีความยาวเกินกว่า 200 คำ เพื่อให้ผู้ชมคลิปวิดีโอสามารถเลื่อนอ่านคำอธิบายได้ โดยไม่ต้องเสียเวลากดอ่านเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังสามารถใส่ Tags หรือ Hashtags (#) ที่เป็นวลีสั้น ๆ เกี่ยวกับวิดีโอ รวมถึงใส่ข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับวิดีโอได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Media, Origin หรือ Content ซึ่งการใส่ข้อมูลเหล่านี้ก็จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงของวิดีโอ และทำให้การทำ SEO สำหรับ YouTube มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

4. การทำ Timestamps บนวิดีโอ (Video Timestamps)

ก่อนหน้านี้หลาย ๆ คน อาจสังเกตเห็นว่าอัลกอริทึมของ Google มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำความเข้าใจข้อความ เสียง และรูปภาพ แต่เมื่อพูดถึงการค้นหาด้วยผลการค้นหาวิดีโอ Google นั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก ซึ่งมีสาเหตุมาจากความยาวของวิดีโอ และการที่ Google Search ไม่สามารถระบุเวลา หรือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการค้นหาให้แก่ผู้ใช้ได้ แต่ในปัจจุบัน Google และ Youtube ได้มีสิ่งที่เรียกว่า “Key Moments in Videos” เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นแค่ช่วงสำคัญของวิดีโอนั้น ๆ ได้ เรียกได้ว่ามีประโยชน์อย่างมากและเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มยอดวิว Youtube ได้ โดยเฉพาะกับวิดีโอที่มีความมีความยาวมาก ซึ่งเจ้าสิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณเลือกดูช่วงเวลาสำคัญในวิดีโอและตัดสินใจว่าจะดูเนื้อหาในวิดีโอนั้นต่อหรือยกเลิกก็ได้ เพราะฉะนั้นการทำ Timestamps วิดีโอของคุณบน Youtube ก็จะทำให้วิดีโอของคุณติด Rank การค้นหาที่สูงขึ้น และทำให้ถูกค้นเจอได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้สามารถเลือกทำ Timestamps ได้ 3 ที่ ก็คือบนตัวเล่นวิดีโอ ในคำอธิบายวิดีโอ และในส่วนของ Comments นั่นเอง

5. การสร้าง Playlist ใน Youtube (Video Playlists on Channel) 

มาถึงข้อนี้ต้องคนสงสัยแน่ ๆ ว่า ทำไมต้องสร้าง Playlist ให้กับช่อง YouTube ด้วย? จริง ๆ แล้วการสร้าง Playlist ให้กับช่อง จะช่วยจัดระเบียบวิดีโอต่าง ๆ ที่คุณอัปโหลดลงไปในช่องบน Youtube ได้ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ส่งสัญญาณให้อัลกอริทึมของ YouTube รู้ว่าวิดีโอของคุณเกี่ยวกับอะไร แต่ยังทำให้ผู้ชมวิดีโอคลิกจากวิดีโอหนึ่งที่เล่นจบไปยังอีกวิดีโอหนึ่งได้ ส่งผลให้จำนวนการดูคลิปวิดีโอในช่องเพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่ม Rank การค้นหา เพิ่มการมีส่วนร่วมกับวิดีโอ เพิ่มยอดวิว Youtube และเพิ่มการเข้าชมช่องของคุณได้อีกด้วย เมื่อผู้ชมดูวิดีโอใน Playlist ของช่อง ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะดูวิดีโออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ มันจะช่วยเพิ่มเวลาและการมีส่วนร่วมของผู้ชมวิดีโอในช่องของคุณ โดยในชื่อของ Playlist ต่าง ๆ บนช่องนั้น อาจเลือกจาก Keyword ที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับวิดีโอ และตั้งชื่อ Playlist โดยใช้ Keyword ก็จะช่วยให้วิดีโอและช่อง Youtube ของคุณเข้าถึงคนได้มากขึ้น 

6. ภาพตัวอย่างของวิดีโอ (Video Thumbnails)

ภาพตัวอย่างของวิดีโอสามารถช่วยเพิ่มความน่าสนใจ หรือขัดขวางวิดีโอ YouTube ของคุณได้ และยังเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนเมื่อพวกเขาดูผลการค้นหาของ YouTube ภาพตัวอย่างของวิดีโอที่ชัดเจนสามารถนำไปสู่เวลาในการรับชมวิดีโอที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มยอดวิว Youtube นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการทำ YouTube Video Optimisation เช่นกัน โดยคุณควรใส่ Key Massage ของวิดีโอนั้น ๆ เข้าไปด้วย ก็จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

7. การแชร์วิดีโอไปยัง Social Media (Video Share to Social Media Channels) 

ด้วยความที่แพลตฟอร์ม Social Media มีอิทธิพลค่อนข้างมากในปัจจุบัน Google จึงได้นำส่วนนี้มาประกอบกับการจัดอันดับคลิปวิดีโอ ซึ่งหากคุณมีช่องทางหลากหลายช่องทางที่สามารถใช้เพื่อโปรโมตวิดีโอ ก็จะทำให้วิดีโอของคุณได้ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่สูงขึ้น ซึ่งคุณก็สามารถทำได้โดยการ Synchronize Youtube Channel เข้ากับ Facebook Twitter และอื่น ๆ เพื่อให้เวลาที่คุณอัปโหลดวิดีโอต่าง ๆ ก็จะเกิดการแชร์ต่อกันไปได้ง่ายขึ้น

8. การสร้าง Backlink ไปหาวิดีโอ (Video Backlinks)

นอกจาก 7 เทคนิคการทำ YouTube Video Optimisation ด้านบนแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่ทาง ADME อยากแนะนำก็คือการสร้าง Backlink ให้กับวิดีโอของคุณนั่นเอง หรือการ สร้าง Link ให้กับวิดีโอนั้น ๆ แล้วนำไปแชร์บนเว็บไซต์ เว็บกระทู้ หรือจะฝัง Link วิดีโอในโพสต์ รวมถึงบล็อกของคุณที่มีหัวข้อที่เกี่ยวข้องก็มีส่วนช่วยให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะหากมี Link วิดีโอของคุณอยู่บนหลาย ๆ Online Platforms ก็จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ Channel ของคุณได้ และจะเป็นการช่วยให้วิดีโอของคุณสามารถขึ้น Rank สูง ๆ ได้ง่ายกว่าเดิมนั่นเอง ทั้งยังเป็นวิธีเพิ่มยอดวิว Youtube ได้อีกด้วย

นอกเหนือจากเทคนิคการทำ YouTube Video Optimisation แล้ว ทาง ADME ยังได้รวบรวมเทคนิคการทำคลิปให้น่าสนใจ เพื่อเพิ่มยอดวิว Youtube ให้กับวิดีโอในช่องของคุณมาฝากอีกด้วย สามารถติดตามอ่านกันต่อได้เลยด้านล่างนี้

5 เทคนิคการทำคลิปให้น่าสนใจไม่ให้ผู้ชมปัดตก 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวิดีโอเป็นสื่อเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเล่าเรื่อง ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ออนไลน์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เชื่อมต่อกับผู้คนและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณ ธุรกิจ และกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างดี โดยการออกวิดีโอให้มีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเพิ่มยอดวิว Youtube ภายในช่องของคุณนั้น สามารถทำได้ ดังนี้…

1. เป็นนักเล่าเรื่องที่ดี

คนส่วนใหญ่ชอบดูเรื่องราวที่จะดึงดูดอารมณ์ของพวกเขา เป้าหมายของการทำคลิปวิดีโอให้น่าสนใจ จึงควรทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมกับเนื้อหาของวิดีโอนั้น ๆ สำหรับแบรนด์ที่ทำการตลาดออนไลน์การบอกเล่าเรื่องราวที่กระชับ ให้คุณค่าแก่ผู้ชม เพื่อให้พวกเขารู้สึกอยากรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น ซึ่งเป็น 1 ในเทคนิคการทำคลิปให้น่าสนใจสำหรับการเพิ่มยอดวิว Youtube ได้เช่นกัน

2. เป็นมิตรกับสมาร์ตโฟน

ทุกวันนี้ เกือบทุกคนเล่นอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟน หากวิดีโอของคุณไม่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ คุณจะสูญเสียผู้ดูที่มีศักยภาพหลายพันคน ดังนั้นเทคนิคการทำคลิปให้น่าสนใจข้อนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่แพ้กัน 

3. ปรับแต่งวิดีโอให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

นอกจากต้องเป็นมิตรกับสมาร์ตโฟนแล้ว การ ปรับแต่งวิดีโอให้มีความเหมาะกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อให้อัลกอริทึมทำให้วิดีโอทำงานได้ดีขึ้นและดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้นในแพลตฟอร์มนั้น ๆ ไม่ว่าคุณจะต้องการโพสต์วิดีโอบน Facebook, Instagram หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ การปรับแต่งวิดีโอของคุณตามการตั้งค่าอัลกอริทึมเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนได้อย่างดี

4. CTA ก็มีความสำคัญ

หากคุณเป็นครีเอเตอร์ที่ต้องการให้ผู้ชมทำบางอย่างที่เฉพาะเจาะจง อย่างการกดไลก์ กดแชร์ กดติดตามช่อง และอื่น ๆ รวมถึงซื้อสินค้าจากช่องของคุณ  การใส่ CTA หรือ Call to Action ก็เป็นเทคนิคการทำคลิปให้น่าสนใจอีกเทคนิคหนึ่ง ส่วนใหญ่ CTA จะใส่ไว้ท้ายสุด CTA และควรเป็นคำที่มีความสุภาพ

5. อย่าลืมเกี่ยวกับ SEO

เช่นเดียวกับการเขียนคอนเทนต์ในเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูง ๆ กลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพควรเป็นไปตามอัลกอริทึมของ Google ดังนั้นในการอัปโหลดคลิปวิดีโอ ควรมี Keyword ที่เกี่ยวข้องและใส่ลงในคำอธิบายของวิดีโอและคำบรรยาย เพื่อให้ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น